ที่ยุโรปทั่วไปแล้วเราจะไม่ค่อยได้เห็นตลาดนัด หรืองาน street food เหมือนบ้านเราสักเท่าไร อาจด้วยสภาพอากาศ และวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน
ดังนั้นเทศกาล Christmas จึงเป็นช่วงเวลาผู้คนที่นี่รอคอย และทนหนาวออกมาสนุกสนาน ดื่มด่ำกับบรรยากาศงานเทศกาล
และตลาด Christmas market ก็ได้เกิดขึ้นในที่แห่งนี้ บางส่วนของการเดินทางนี้ผมได้ไปตาม Data ที่เคยทำสรุปเอาไว้ในโพสก่อนหน้านี้ครับ
https://datatrippu.com/2024/11/15/travel-dashboard/

Table of Content
ต่อเครื่องที่กวางโจว(จีน)
เรามาถึงสนามบินก่อนเวลา 5ชม เพื่อมา check-in ก่อน เพราะไม่ได้เลือกที่นั่งมา ดังนั้นเพื่อนๆที่ต้องการจองที่นั่งสามารถเลือกที่นั่ง และตรวจสอบหลังการจองได้เลย



Tip นึงที่อยากจะบอกเพื่อนๆ คือการนั่ง transit ที่รอต่อเครื่องนาน บางสายการบินมี “ที่พักฟรี” ให้เราด้วย แต่เรื่องนี้เขา ไม่ค่อยบอกเราหรอกครับ เราต้องอ่านข้อกำหนด หรือสอบถามสายการบินเองได้เลย
ตัวอย่างบริการที่พักระหว่าง Transit ของสายการบิน China Southern Airline ปี 2024 นี้ สำหรับคนที่รอต่อเครื่อง มากกว่า 6 แต่ไม่เกิน 30 ชม.
https://www.csair.com/en/tourguide/transit_flow/free/

อย่างทริปนี้ได้ที่นอนฟรีที่กวางโจว คือดีย์เลยยยย ซึ่งเราต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ที่สนามบินปลายทางตอนไปถึงอีกทีนะครับ (เจ้าหน้าจากสนามบินที่ไทยอาจไม่ใช่เจ้าหน้าที่สายการบินนี้มาเอง)
ลงมาจากเครื่องให้ผ่าน ตม ออกมาเลยแล้วไปที่เกท 50 จะมีเคาท์เตอร์ของ china southern อยู่ให้เอา boarding pass ให้ เจ้าหน้าที่ แล้วจะได้รับสติกเกอร์ติดเสื้อมา เพื่อให้ จนท มาเรียกเราไปขึ้นรถบัสไป รร อีกที



โรงแรม ที่นี่ที่เราเลือกชื่อ Ausotel Smart ได้ห้องพักดีเลย กว้าง ของใช้ครบ จอทีวีทำเป็น projector ให้เลย อย่างหย่ายยย



ที่เซอร์ไพรส์อีกอย่างนึงก็คือ ได้ที่พักฟรีว่าเยอะแล้ว ถามพนักงานเลยรู้ว่าตอนเช้ามี อาหารเช้าให้ลงมากินด้วย ถ้าไม่รู้มาก่อนว่า มีโรงแรมฟรีให้นี่เสียดายเลย 555+


ในสนามบิน ของกินส่วนใหญ่อยู่หลังผ่าน ตม เข้าไปเลย ข้างนอกส่วนใหญ่มีแต่ร้านของฝาก KFC กับร้านกาแฟนิดหน่อย
น้ำร้อนน้ำร้อนน้ำเย็นมีให้กดเรื่อยๆ ดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะหาน้ำดื่มไม่ได้ครับ
เนื่องจากเรามาแค่ รอต่อเครื่องดังนั้นการจ่ายเงินที่นี่เราจ่ายกันด้วย travel card กับ alipay ใน truemoney เท่านั้นเลย (ถ้าใช้บัตรเครดิตจ่ายจะเสีย fee เพิ่มด้วย ถ้าเอามาจ่ายนี่แฟนผมบอกเดี๋ยวตีมือเลย 555+)
Netherlands
Day1: Amsterdam
ทริปนี้เวลาต่อเครื่องจากจีนไป Amsterdam ใช้เวลา 12ชั่วโมง ดังนั้นก่อนขึ้นเครื่องอย่าลืมเตรียมของกินไว้เผื่ออาหารบนเครื่องไม่อิ่มกันนะครับ
ที่พักที่ Amsterdam วันแรกคือ Teleport hotel โรงแรมอยู่ใกล้กับสถานี Sloterdijk
ห้องพักที่นี่กว้างใช้ได้ แถมมีตู้เย็น ไมโครเวฟ กาต้มน้ำ ซิงค์ล้างจาน คือพร้อมซื้ออาหารมากินเลย ส่วนน้ำก๊อกที่นี่คือดื่มได้เลย (บางทีก็เอามาต้มก่อนแล้วค่อยดื่มก็มีครับ)


มาที่นี่จะเห็นว่าเขาไม่ค่อยมีน้ำขายตามร้านสะดวกซื้อสักเท่าไร แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลย น้ำดื่มปกติที่เราดื่มกันแถวนี้จะเรียกว่า Still water เพราะว่าที่นี่ยังมีน้ำดื่มอีกประเภทคือ Sparkling water ที่จะคล้ายๆน้ำดื่มที่ผสมโซดา ซ่าๆมาเลย เวลาซื้อต้องดูดีๆนะ

Day2: Museums in Amsterdam
วันนี้เป็นวันไปเที่ยว museum ต่างๆในเมือง Amsterdam เพราะทีนี่มี Museum ที่น่าสนใจเยอะมากๆ เช่น Van Gogh museum, Body world, Micropia
ด้านล่างนี้จะเป็นรูปบรรยากาศที่ Micropia museum



แนะนำให้ทุกคนซื้อ amsterdam city pass มาใช้กันครับ เพราะ เราจะขึ้น tram, bus, metro ใน zone นี้กี่รอบก็ได้ แล้วก็เข้า museum ได้ฟรี (ยกเว้นบางที่จะเป็นลดค่าเข้า 25% แทน)
ของพวกเราเลือกซื้อแบบ 24hrs City Card ราคา 60 euro
รายละเอียด: https://www.iamsterdam.com/en/tickets/i-amsterdam-city-card


นอกจากนี้ยังเอา pass ไปล่องเรือ canal cruise ได้ฟรีเลย อันนี้เป็นไฮไลท์หนึ่งของที่นี่เลยนะ ส่วนที่ผมมาขึ้นจะเป็นท่าเรือที่อยู่ใกล้ Amsterdam centraal station ครับ ปัก mapไปที่ Stromma – Damrak เดินไปประมาณ 5นาที ก็ถึง

จุดขึ้นเรือยังมีอีกหลายที่ สามารถดูรายละเอียดได้ในนี้เลย https://www.iamsterdam.com/en/tickets/i-amsterdam-city-card/canal-cruise-with-the-i-amsterdam-city-car


ช่วงรีวิวของกิน เดินๆอยู่เห็นคนต่อซื้อเฟรนช์ฟราย(ที่นี่เรียกเป็น Holland Fries) กันเยอะมากเลยโดนป้ายยา ให้เข้าไปซื้อด้วย อันนี้แค่ sixe M ก็คือได้เยอะอยู่ครับ ร้านชื่อ Manneken pis ที่ Amsterdam เห็นอยู่ 2 สาขา


Day3: Giethoorn Village
วันนี้เรานั่งรถไฟมาที่หมู่บ้าน Giethoorn นั่ง รถไฟมาลง Steenwijk แล้ว ต่อ Bus 70 มาที่หมู่บ้านอีกที
การเดินทางในวันนี้ไม่สามารถใช้ City Pass ได้เนื่องจากอยู่นอกพื้นที่ของ Amsterdam เราจึงเลือกซื้อ Holland Pass แทนเพื่อใช้นั่งรถไฟ และ Bus ไปกลับจาก Giethoorn
https://discoverholland.com/holland-travel-ticket

Tip อย่างนึงคือ Holland Pass จะมี 2 ราคาคือ peak: 70 euro และ off-peak 48 euro (การเดินทางนอกช่วงเวลา peak 6.30 am – 9.00 am) ดังนั้นถ้าเราไม่จำเป็นต้องจ่ายแพงหากเราเลือกเวลา off-peak ที่ถูกกว่าเยอะมากได้

เราสามารถซื้อ Pass ได้ 2 ทางคือ Online หรือ ซื้อที่ตู้เพื่อเอาบัตรเลย โดยตู้จะเป็นตู้ Public Transport Tickets สีแดงตามรูปด้านล่าง จะมีตั้งอยู่ที่สถานณีรถไฟ

การเช่าเรือสามารถจองทางออนไลน์ หรือไปเช่าที่หมู่บ้านเลยก็ได้ โดยต้องดูว่าช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่คนไปเที่ยวเยอะไหม
ตอนมาถึงแล้วแนะนำให้เช็คที่เราจะไปเช่าเรือเที่ยวรอบหมู่บ้านด้วย เพราะบางที่ต้องเดินเข้าไปลึกมากๆ อาจต้องเช่าจักรยาน หรือเรียกรถเข้าไปครับ เพราะทริปนี้เราไม่ได้เช็คจุดลงรถไปขึ้นเรือให้ดีเลยเดินกันฉ่ำๆ ไปกลับรวม 2 กิโล เลยยย
ร้านที่ให้เช่าเรือจะอธิบายวิธีขับเรือ กับให้ route map เรามาเพื่อให้สอดคล้องกับเวลาที่เราเช่าครับ ภาพบรรยากาศในหมู่บ้านวันที่มาค่อนข้างเงียบทีเดียวครับ ได้ยินแต่เสียงเรากับเสียงเรือเรา 555+


Belgium
Day4: Ghent
วันนี้เรานั่งรถไฟโดยใช้ Eurail Global Pass นั่งจาก Amsterdam มาที่ Ghent ลงสถานี Gent-Dampoort แล้วเรียก Taxi เพื่อขนกระเป๋ามาที่โรงแรม
เนื่องจากในเพจรีวิวเที่ยวยุโรปใน Facebook มีคนแชร์เรื่องมีขโมยกระเป๋าบนรถไฟแถว Belgium และ France ผมจึงแนะนำให้เพื่อนๆติดสายล็อคจักรยายหรืออะไรก็ได้เพื่อมาใช้ล็อคกระเป๋าเราบนรถไฟเพื่อป้องกันเอาไว้ครับ จะได้นั่งอย่างสบายใจขึ้น

ช่วงที่มานี่ฝนตกตอนเช้าทุกวันเลย สิ่งที่อยากจะแนะนำมี สองเรื่องคือ
– ร่ม ให้เลือก อันที่แข็งแรงต้านลมได้ดีมาใช้ ผมโดนลมไปพังไป2 อันแล้ว 555+ (ใต้เลข 5 มีน้ำตาซ่อนอยู่)
– รถ Taxi เพราะพวกเราต้องขนกระเป๋าไปที่สถานีตอนฝนตก ซึ่งคนที่นี่แนะนำแอพใช้ เรียก taxi คือ Bolt และ Uber (เลือกจ่ายเงินสด หรือบัตรได้)
[Tip] อย่างนึงที่อยากแนะนำในการเดินทางในเมือง Ghent คือ พวก Bus, Tram ที่บริการโดย De Lijn เราสามารถ ซื้อ 3-Day pass แบบนั่งได้ไม่จำกัดภายใน 3 วันด้วยราคา 15 euro เท่านั้น ถือว่าคุ้มมาก
Day pass นี้มีขายที่ตู้ขายตั๋วที่ ป้ายรอรถหลักๆเลย จะซื้อผ่านแอพก็ได้นะ ใช้ขึ้น Bus, Tram ได้ไม่จำกัดรอบ โดยแสกน pass บนรถเวลาขึ้นรถทุกครั้ง
รายละเอียด: https://www.delijn.be/en/content/vervoerbewijzen/tickets/

เราจอง รร. ที่ Kaba Hostel ใน Ghent ดังนั้นจะต้องมาลงรถไฟที่สถานี Gent-Dampoort ที่ใกล้ที่สุดครับ แต่ที่พักที่นี่ห้องจะเล็กกว่าที่แรก แต่ห้องน้ำกว้างกว่ามาก ส่วนพวกไมโครเวฟ ตู้เย็น จะต้องลงมาใช้ที่ส่วนกลางด้านล่าง

ที่เดินเที่ยวถ่ายรูปคือถนนเส้น Vaanderenstraat ที่เดินมาจากที่พักได้เลย ถนนเส้นนี้ทั้งเส้นตึกรอบๆสวยมาก และเดินไปเรื่อยๆจะเจอโบส Saint Nicholas Church, Belfry of Ghent และวิหาร Saint Bavo’s Cathedral

สามที่นี่อยู่รวมๆกันให้บรรยากาศเหมือนมาเดินอยู่ในเรื่อง Harry Potter เลย


Day5: Day trip Cologne, Germany [Chrismas market]
วันนีัพวกเราออกเดินทางมาเที่ยว Christmas market ที่ Cologne, Germany มาตาม รีวิวที่ผมได้เคยรวบรวมข้อมูลเอาไว้ในโพสก่อนหน้านี้เลย
Christmas market ที่ Cologne จะมีจัดหลายจุดแต่ที่คิดว่าเป็นไฮไล์ของที่นี่คือข้างวิหาร Cologne Cathedral นี่เหมาะสมแล้วที่ติดอันดับต้นๆ ด้วยประการทั้งปวง งานคึกคัก คนเยอะมากแถมมีจัดหลายตลาด









กิจกรรมที่แนะนำเมื่อมาเที่ยว Christmas market อย่างนึงคือล่า “แก้วไวน์ร้อน” ที่แต่ละตลาดจะมีดีไซน์ ลวดลายที่แตกต่างกันไป ดื่มหมดแล้วเก็บกลับบ้านได้เลย แต่ถ้านำแก้วไปคืนคนขายจะคืนเงินค่าแก้วให้เราแทน


แถบยุโรปช่วงที่มานี้กลางคืนนานมาก ห้าโมงเย็นฟ้าก็มืดแล้ว เลยได้เดินงานพวกนี้ แบบมีไฟสวยๆได้ไม่ต้องรอค่ำเหมือนบ้านเราเลย



Day6: Bruges [Chrismas market]
วันนี้พวกเรานั่งรถมาเที่ยวเมืองมรดกโลก Bruges เมืองนี้อยู่ไม่ไกลจาก Ghent เลย นั่งรถไฟครึ่งชม ก็ถึงแล้ว
การเดินทางใน Bruges เรายังสามารถนำ 3days pass ของ De Lijn มาใช้ได้ด้วย จึงลดค่าใชจ่ายเดินทางในนี้ได้หลายบาทเลย
เมืองนี้แทบทุกส่วนยังรักษาโครงสร้างตามแบบยุคเก่าเลย จุดถ่ายรูปนับว่า เลือกสร้างสรรค์เอาได้ตามจินตนาการคนถ่ายเลย เพราะมันเยอะมาก






จุดที่เราตามรีวิวมาถ่ายรูปจะเป็นบริเวณสะพาน Meebridge (Meebrug) ของจริงก็สวยเหมือนที่รีวิวเลย จะถ่ายบนสะพาน หรือลงมาถ่ายข้างทางก็ดีทั้งคู่


ไฮไลท์ ที่พวกเรามาก่อนเลยคือ Christmas market และจุดที่จัดงานหลักเลยของที่นี่คือตรง Belfry of Bruges

งานที่นี่คนก็เยอะไม่แพ้กับที่ Cologne เลยส่วนที่ต่างก็มี คือ ที่นี่ย่านจัดงานน้อยกว่า ส่วนคนที่มานี่ส่วนใหญ่ดูจะเป็นนักท่องเที่ยวมากกว่า ขณะที่ Cologne จะดูเป็นคนท้องถิ่นเองออกมาเฉลิมฉลอง






ของกินหลักๆที่แนะนำให้มากินที่นี่เลยคือวาฟเฟิลและช็อคโกแลต โดยเฉพาะช็อคโกแลตร้อนที่ร้าน Le Comptoir de Mathilde นี่กำลังดีเลยกับอากาศเย็นๆที่นี่
วิธีทานคือตอนสั่งให้เราเลือกรสช็อคโกแลตที่ชอบ แล้วพนักงานจะเอาไปจุ่มกับแก้วที่มีนมร้อนมาให้ ให้เราคนให้ละลายสักหน่อยแล้วค่อยดื่มครับ


France
Day7-8: Paris
วันนี้เรามาเช็คอินอยู่กันที่ Paris ครับ ที่นี่เป็นที่เดียวที่เราไม่ได้ซื้อ Pass อะไรเลย
คือจริงๆมีขายแต่คำนวณยังไงก็ใช้ไม่คุ้ม 555+ เพราะการเดินทางที่นี่สามารถใช้ตั๋วเดียวขึ้นได้ทั้ง Bus, Tram, Train, RER เลย ใบละ 2.15 euro
ตั๋ว 1 ใบ จะขึ้นกี่ครั้งก็ได้ภายใน 1.5ชม แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้างเช่น ใช้แบบ round trip ไม่ได้ (ต่อกี่ครั้งก็ได้แต่แค่ขาไปอย่างเดียว) เพื่อนๆสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตามนี้เลย
รายละเอียด: https://www.ratp.fr/en/titres-et-tarifs/t-ticket

การเปิดใช้งานตั๋วแต่ละใบสามารถเสียบเข้าไปที่เครื่อง Validator ที่บนรถ หรือที่ทางเข้ารถไฟได้เลย
ที่เที่ยวหลักๆที่พวกเราไปก็คือ หอไอเฟล, ประตูชัย ที่เป็น Landmark สำคัญของที่นี่


มุมถ่ายรูปกับหอไอเฟลที่อยากจะแนะนำ พวกเราตามรีวิวอยู่ 2ที่คือ สะพาน Pont d’Iéna และ สะพาน Alma’s bridge


[Tip] นิดหน่อยคือถ้าสามารถเลือกไปวันที่ท้องฟ้าเปิดได้จะได้รูปที่สวยกว่าที่เราไปมาครับ ที่ Paris นี้รถค่อยข้างเยอะ เทียบกับ กทม. เลย การเดินทางอาจใช้เวลาสักหน่อย วางแผนดีๆนะครับ

Day9: Strasbourg [Christmas market]
แล้วก็มาถึงเมือง Strasbourg ที่มี Christmas market ที่โด่งดังมากที่สุด และเก่าแก่ที่สุด
ตลาดที่นี่มีประวัติการจัดงานมาตั้งแต่ 16th century นู้นเลย จึงไม่แปลกที่จะมีจัดงานกันหลายแห่งในเมืองนี้



ร้านค้าต่างๆขายของกิน และของที่ระลึกกันเยอะมากแต่ที่นี่ ถึงมีหลายโซน แต่ของก็ไม่ค่อยซ้ำกันเท่าไร เดินแถวนี้ถึงกับล้มละลายได้เลย เดี๋ยวๆๆ






ร้านค้า ร้านอาหาร แม้แต่โรงแรมที่นี่ต่างตกแต่งร้านของตัวเองให้เข้ากับธีม Chistmas ได้ดีมากเลย เราสามารถเดินดูได้ตลอดทาง พลางถ่ายรูปไปได้เรื่อยๆ (บางทีก็แอบคิดว่าไม่ต้องตั้งค่ากล้องอะไรมาก กดๆไปเถอะเดี๋ยวก็สวนเอง 555+)



[Tip] การเดินทางที่นี่ แนะนำให้ซื้อบัตร 24hrs Solo Pass ของ CTS ราคา 4.6 euro สามารถใช้ขึ้นได้ทั้ง Tram, Bus ได้ไม่จำกัดรอบในช่วงเวลานี้
สามารถซื้อ Pass ได้ที่ตู้ขายตั๋วสีแดงของ CTS ซึ่งมีที่สถานีรถไฟ และตามป้ายขึ้นรถต่างๆ หาไม่ยากแน่นอน (ซื้อแล้วอย่าลืมเปิดการใช้งานที่ แท่นเล็กๆสีแดงตรงจุดขึ้นรถด้วยน้า)
ไฮไลต์ของที่นี่คือต้น Christmas tree ยักษ์ ที่อยู่ที่ลาน Place Kléber โดยนั่ง Tram มาลงที่สถานี Homme de Fer แล้วเดินมาแป๊ปเดียวก็เจอเลย

Christmas tree ยักษ์ จะมีประดับไฟไว้ สวยมาก แล้วจะมีเปิดเพลงประกอบการแสดงไฟประดับเป็นช่วงๆ



อีกจุดหนึ่งที่เป็นมุมมหาชนของที่นี่คือ Rue Mercière ที่จะเป็นซอยร้านค้า ที่มีฉากหลังเป็นวิหาร Cathédrale Notre Dame de Strasbourg ตรงนี้จะถ่ายตอนกลางวัน หรือกลางคืนก็สวยไปคนละแบบ

กลับมากับช่วงรีวิวของกิน555+ ขาหมูถ้วยนี้ชิ้นใหญ่มากกินร้อนๆ กับมันฝรั่ง 2 คน คือจุกๆเลย ค่าเสียหายโดนไปราวๆ 20 euro ก็ไม่ถูกนะ แต่กินแล้วนับเป็นมื้อเย็นได้เลยย


Day10: Colmar
มา Strasbourg แล้วก็แนะนำให้แวะ Christmas market เมือง Colmar ไปด้วยครับ นั่งรถไฟจาก Strasbourg ไปแค่ ครึ่งชั่วโมงก็ถึง



[Tip] ที่ Colmar นี้มี Shuttle bus ฟรี ที่พาเราจากสถานีรถไปไฟไปที่ Christmas market เลย ออกมาจากสถานี มองหารถ Shuttle bus เล็กๆ ทางขวา จะออกทุก 15นาที รายละเอียดเพิ่มเติมในนี้เลย
https://maison1934.com/en/free-electric-shuttle-to-little-venice/
ถ้าไปแค่งานนี้อย่างเดียวเราไม่ต้องหาซื้อ Travel pass ก็ได้ครับ เรานั่ง Shuttle bus คันเดิมจากฝั่งตรงข้ามที่เราลงกลับไปสถานีรถไฟได้เลย



งานที่ Colmar นี้คนก็เยอะไม่แพ้กันกับที่ Strasbourg เลย ร้านของฝากก็มีเรื่อยๆตามตึกข้างทาง และใน Chistmas market ล้มละลายกันอีกแล้วทีนี้ 555+





ตลาดที่นี่ก็มีหลายโซนเช่นกันสามารถดูได้ตาม Route map และรายละเอียดในเว็บ https://www.noel-colmar.com/en/ หรือ Download ไฟล์ตามนี้เลยครับ
https://www.noel-colmar.com/en/colmar-the-magic-of-christmas/practical#downloads


นอกจากนี้ภายในงานก็มีแปะ map ไว้ให้ดูเช่นกัน

บรรยากาศที่นี่ก็เป็นอีกที่ที่เราเดินถ่ายรูปได้ตลอดทางตามแต่ความ Creative เราเลย มุมถ่ายรูปนึงที่ผมอยากจจะแนะนำคือสะพาน Pont Rue des Tanneurs ตรง Petite Venise Colmar ภาพที่ได้นับว่าสวยทีเดียวครับ

ไฮไลท์ส่วนตัวอีกจุดที่อยากแนะนำคือขึ้นชิงช้าสวรรค์ชมเมือง Colmar แบบมุมสูงดูครับ ให้เดินมาที่หมายเลข 2 ตาม Map ชื่อ Gourmet Market Rue de la Montagne Verte ค่าตัวคนละ 10 euro ภาพมุมสูงสวยมาก ถ้านับไม่ผิดเราจะได้หมุนอยู่บนนั้น 3 รอบ ลุยครับบ



มาแบ้วก็อย่าลืมแวะถ่ายรูปกับป้าย Colmar กันนะครับ ถ้าหาไม่เจอ หาคำว่า “Colmar sign” ใน google map ดูครับ


สรุป Pass แนะนำสำหรับทริปนี้
Travel pass ต่างๆ ที่คุ้มค่า และช่วยประหยัดค่าเดินทางไปได้เยอะ ผมอยากจะแนะนำตามนี้เลย (ทั้งนี้ทั้งนั้น คุ้มกว่าซื้อแยกหรือไม่ขึ้นอยู่กับแผนการเดินทางเราด้วยครับ)
- Eurial Global Pass: อันนี้แนะนำมากๆ ขาดไม่ได้เลย ถ้าเราเดินทางไปหลายประเทศ สามารถใช้ขึ้นรถไฟไม่จำกัดรอบได้เกือบทุกสายเลย หาซื้อได้ที่ Klook หรือ เว็บ Eurail เอง (อันไหนถูกกว่าซื้ออันนั้น 555+)
- Amsterdam (Netherlands): amsterdam city pass
- ซื้อที่ i amsterdam store สถานี Amsterdam centraal
- ใช้กับ Bus, Tram, Train ไม่จำกัดรอบ รวมถึงเข้าชม Museum ได้ฟรี (บางที่อาจจะใช้ได้แค่ลดค่าเข้า 25%)
- แสกน pass บนรถเวลาขึ้น-ลงรถทุกครั้ง
- ใช้นั่งเรือ Canal cruise ชมเมืองได้ฟรี
- รายละเอียด: https://www.iamsterdam.com/en/tickets/i-amsterdam-city-card
- Ghent & Bruges (Belgium): De Lijn 3-Day pass [15 euro]
- ซื้อที่ตู้ขายตั๋วตาม Bus/Tram stop หรือในแอพของ De Lijn
- ใช้ขึ้น Bus, Tram ได้ไม่จำกัดรอบ
- แสกน pass บนรถเวลาขึ้นรถทุกครั้ง
- รายละเอียด: https://www.delijn.be/en/content/vervoerbewijzen/tickets/
- Strasbourg (France): 24 hours Solo pass [4.6 euro]
- ซื้อที่ตู้ขายตั๋วตาม Bus/Tram stop ของ CTS
- ใช้ขึ้น Bus, Tram ได้ไม่จำกัดรอบ
- แสกน เปิดใช้งาน Pass ที่แท่น Validator (แท่นเล็กๆสีแดง) ตรงแพลตฟอร์มที่ขึ้นรถครั้งแรกก่อน
- รายละเอียด: https://www.cts-strasbourg.eu/en/online-store/fares/tickets/

ตลอดงานนี้เห็นหลายครอบครัวพาเด็กเล็ก และผู้สูงอายุใส่ชุดหนามากๆ เข็นรถเข็นออกมาเที่ยวงานกันเยอะเลย เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นงานที่ทุกคน ทุกวัยมีความสุขกับมันแน่นอน
สุดท้ายขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ครับ หากเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ หรือมีเพื่อนรอบข้างที่กำลังหาข้อมูล สามารถแชร์ comment กันที่ด้านล่างนี้ได้เลย เย้~
” Merry Christ and … Happy New Year 2025 “
